<< Go Back

1. การตั้งค่า Wi-Fi
1.1 เมื่อ Raspberry Pi เปิดขึ้นมาอีกครั้ง จะปรากฏหน้าจอ Desktop ดังรูป

1.2 เชื่อมต่อ Wi-Fi โดยคลิกเลือกไอคอน Wi-Fi ที่แถบด้านบนขวา แล้วเลือก Wi-Fi ที่ต้องการ หาก Wi-Fi มีรหัสผ่าน จะต้องกรอกรหัสผ่านให้ถูกต้อง ระบบจะทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป

1.3 ทดลองการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยเปิด Web Browser และทดลองเข้าเว็บไซต์

2. ตรวจสอบ IP Address
2.1 ตรวจสอบเลข IP Address ของ Raspberry Pi โดยคลิกเปิดโปรแกรม Terminal แล้วพิมพ์คำสั่ง hostname –I แล้วกด Enter

2.2 จะได้หมายเลข IP Address ของ Raspberry Pi ดังรูป เช่น 10.0.1.8 เป็นตัวเลขที่ใช้สำหรับ Remote จากเครื่องคอมพิวเตอร์มายังบอร์ด Raspberry Pi

3. ตั้งค่า Config ให้เปิด (Enable) การใช้งานระบบ
3.1 คลิกเมนูรูป Pi > Preferences > Raspberry Pi Configuration

3.2 คลิกแท็บ Interfaces แล้วคลิกเลือก Enable เพื่อเปิดใช้งาน หรือคลิก Disable เพื่อปิดรายการที่ไม่ต้องการเปิดใช้งาน จากนั้นกด Yes ตามรูป

• Camera สำหรับการใช้งานกล้อง หากยังไม่มีใช้งาน ยังไม่ต้องเปิดไว้ก็ได้
• SSH สำหรับเชื่อมต่อควบคุม Rasp Pi แบบ Remote ผ่านโปรแกรม SSH ใน Text Mode
• VNC สำหรับเชื่อมต่อควบคุม Rasp Pi แบบ Remote ผ่านโปรแกรม VNC ในโหมดหน้าจอกราฟิก กล่าวคือจะเหมือนกับยกหน้าจอมาไว้ให้เห็นเลย
• หากต้องการเปิดส่วนอื่นๆ ก็สามารถเลือกเปิดไว้ตอนนี้ได้หรือจะกลับมาเปิดทีหลังก็ได้

4. การตั้งค่าภาษา
4.1 การตั้งค่า Location ในส่วนนี้จะมีผลต่อหน้าเมนูของ Raspberry Pi - เมนูเป็นภาษาไทย ให้คลิกแท็บ Localisation > Set Locale… แล้วเลือก Language: th (Thai) Country: TH (Thailand) Character Set: UTF–8 - เมนูเป็นภาษาอังกฤษ ให้คลิกแท็บ Localisation > Set Locale… แล้วเลือก Language: en (English) Country: US (United States) Character Set: UTF–8

4.2 การตั้งค่าเวลา ที่แท็บ Localisation > Set Timezone… แล้วเลือก Area: Asia Location: Bangkok

4.3 การตั้งค่าแป้นพิมพ์ คลิก Set Keyboard.. ให้เลือก Model: Generic 105-key PC (intl) Layout: English (US) Variant : English (US)

การใช้งาน Raspberry Pi ที่นิยมส่วนใหญ่ จะต่อจอภาพ แป้นพิมพ์ และเมาส์ เพื่อเซทอัพครั้งแรกครั้งเดียว จากนั้นก็ปลดออกหมด แล้วใช้วิธีที่เรียกว่า Headless กล่าวคือที่ Raspberry Pi จะไม่มีการต่อจอภาพ แป้นพิมพ์หรือเมาส์เอาไว้แต่อย่างใด จะใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นหรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อ Remote เข้าไปควบคุม Raspberry Pi โดยการควบคุมรีโมทไปยังบอร์ด Raspberry Pi มี 2 แบบคือ

1. การรีโมทแบบ SSH Command line สำหรับพิมพ์คำสั่งควบคุม

สำหรับพิมพ์คำสั่ง Terminal ของ Raspberry Pi ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่ใช้เป็น Remote ซึ่งทำงานในแบบ Text Mode โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.1 ติดตั้งโปรแกรม Putty ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน โดยดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต

1.2 คลิกเข้าเว็บไซต์ putty.org และคลิกที่ here ตรงส่วนของ Download PuTTy

1.3 คลิกดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับติดตั้ง โดยเช็คดูว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่เป็น 32 หรือ 64 บิต

1.4 ไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะถูกบันทึกไว้ในโฟลเดอร์ Download ให้ดับเบิ้ลคลิกเพื่อติดตั้งโปรแกรม putty

1.5 ทำการคลิกปุ่ม Next > Next > Install เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Finish

1.6 ตรวจสอบ IP Address ของคอมพิวเตอร์กับบอร์ด Raspberry Pi จะต้องอยู่ในวง LAN เดียวกัน หรือจับสัญญาณ Wi-Fi ตัวเดียวกัน
1.7 บอร์ด Raspberry Pi จะต้องเปิดการใช้งาน SSH ก่อน โดยไปที่ Pi > Preferences > RaspberryPi Configuration

ไปที่แท็บ Interfaces เลือก SSH ให้เป็น Enabled แล้วคลิกปุ่ม OK

1.8 เปิดโปรแกรม Putty ขึ้นมา หลังจากนั้นให้กรอกหมายเลข IP Address ของบอร์ด Raspberry Pi ในช่อง Host Name (or IP Address) แล้วคลิกปุ่ม Open

1.9 จะเข้าสู่หน้าจอ Text Editor ให้ใส่ User และ Password ของ Raspberry Pi

1.10 เมื่อรีโมทเข้าไปยังบอร์ด Raspberry Pi ได้แล้ว จะปรากฏคำสั่ง pi@raspberrypi: เพื่อรอรับคำสั่งในการควบคุมบอร์ด Raspberry Pi

2. การรีโมทแบบกราฟิก VNC เห็นภาพจอ Raspberry Pi บนเครื่องที่ Remote

สำหรับให้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนสามารถที่จะ Remote ไปยังบอร์ด Raspberry Pi ซึ่งทำงานในแบบหน้าจอ Desktop โดยมีขั้นตอนดังนี้
2.1 ติดตั้งโปรแกรม VNC Viewer ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน โดยดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต

2.2 คลิกเข้าเว็บไซต์ realvnc.com และคลิกที่ Download VNC Viewer

2.3 ไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะถูกบันทึกไว้ในโฟลเดอร์ Download ให้ดับเบิ้ลคลิกเพื่อติดตั้งโปรแกรม VNC Viewer

2.4 ตรวจสอบ IP Address ของคอมพิวเตอร์กับบอร์ด Raspberry Pi จะต้องอยู่ในวง LAN เดียวกัน หรือจับสัญญาณ Wi-Fi ตัวเดียวกัน
2.5 บอร์ด Raspberry Pi จะต้องเปิดการใช้งาน VNC ก่อน โดยไปที่ Pi > Preferences > RaspberryPi Configuration

ไปที่แท็บ Interfaces เลือก VNC ให้เป็น Enabled แล้วคลิกปุ่ม OK

2.6 เปิดโปรแกรม VNC Viewer ขึ้นมา หลังจากนั้นให้กรอกหมายเลข IP Address ของบอร์ด Raspberry Pi แล้ว Enter

2.7 จะมีหน้าต่างปรากฏขึ้นมา เพื่อยืนยันการรีโมทเข้าใช้งาน ให้คลิกปุ่ม Continue

2.8 ใส่ User และ Password สำหรับเข้าใช้งาน Raspberry Pi แล้วคลิกปุ่ม OK

2.9 เมื่อล็อกอินเข้าใช้งานสำเร็จ จะเข้าสู่หน้าจอ Desktop ของบอร์ด Raspberry Pi

การเปิด/ปิดบอร์ด Raspberry Pi
1. ไปที่ Pi > Shutdown

2. คลิกเลือก Option ที่ต้องการ ซึ่งได้แก่ Shutdown, Reboot หรือ Logout

 

การเปิดใช้งาน Sound

1. เปิดโปรแกรม Terminal ขึ้นมา แล้วใส่โค้ดคำสั่ง sudo raspi-config

2. เลือกเมนู Advanced Options แล้วกดปุ่ม Enter

3. เลือกเมนู Audio แล้วกดปุ่ม Enter

4. เลือกเมนู Force 3.5mm (‘headphone’) jack แล้วกดปุ่ม Enter

5. กดปุ่ม Tab เพื่อเลื่อนมาที่ <Finish> แล้วกดปุ่ม Enter

6. ทำการรีสตาร์ทบอร์ด โดยพิมพ์คำสั่ง reboot

7. ทดสอบโดยการนำหูฟังเสียบเข้าไปในช่องเสียบหูฟังที่ตัวบอร์ด Raspberry Pi หลังจากนั้นลองเปิด Web Browser แล้วเข้าไปเว็บไซต์ Youtube เพื่อเปิดดูวิดีโอ เพื่อทดสอบเสียง

<< Go Back